นิกร การุณวงศ์  

best viewed with 640*480 and MSIE
 
 
 
 





 

อาภรณ์ อินทรปาลิต - ศิลปินพันปก


ที่มา: ถนนหนังสือปีที่ ๓ ฉบับที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๒๙
  คอลัมน์ ลายคำน้ำแต้ม
  อาภรณ์ อินทรปาลิต : ศิลปินพันปก/เริงไชย พุทธาโร
พิมพ์โดย: คุณต้น สมาชิกหมายเลข 26

เมื่อ ป.อินทรปาลิต เริ่มเป็นที่รู้จักของคนอ่านหนังสือโดยทั่วไปด้วยนวนิยาย
เรื่องนักเรียนนายร้อย ที่สำนักพิมพ์เพลินจิตนำมาตีพิมพ์เป็นเรื่องแรกโดยมี
เหม เวชกร เป็นผู้เขียนปกแล้ว หนามเตย, ยอดสงสาร, หนี้ชีวิต และนวนิยาย
แนวรักโศกเรื่องอื่นๆ ของ ป. อินทรปาลิต ก็ทยอยออกมาสู่สายตาของผู้อ่าน
ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานพอสมควร จากนั้น ป. อินทรปาลิต จึงได้เขียน
หัสนิยายชุดสามเกลอ พล นิกร กิมหงวน ขึ้น เริ่มด้วยเรื่อง อายผู้หญิง,
ขาวทะโมน ตามลำดับ (ในระยะแรกมีตัวเอกเพียงแค่พล พัชราภรณ์กับ
นิกร การุณวงศ์เท่านั้น ส่วนกิมหงวน ไทยแท้และดร.ดิเรก ณรงค์ฤทธิ์ค่อยมี
บทบาทขึ้นมาภายหลัง)

ขณะที่ ป. อินทรปาลิต สร้างบุคลิกลักษณะตัวละครชุดสามเกลอ พล นิกร
กิมหงวนด้วยตัวอักษรจนเด่นชัดขึ้นในจินตนาการของผู้อ่าน เสน่ห์
คล้ายเคลื่อน, พนม สุวรรณะบุณย์ ก็เสกสรรค์สร้างภาพของตัวละครเหล่านั้น
ให้ผู้อ่านได้เห็นอย่างชัดเจนโดยการเขียนภาพปกของหัสนิยายชุดนี้สืบต่อมา

อาภรณ์กับป. อินทรปาลิต (๒๐ เมษายน ๒๔๙๘)

จวบจนกระทั่งเมื่อ ประยูร หอมวิไล เจ้าของโรงพิมพ์ไทยพานิชจับมือกับ
ป. อินทรปาลิต ออกหนังสือพิมพ์ ปิยะมิตรรายวัน ขึ้นในเดือนมิถุนายน
พ.ศ. ๒๔๙๐ อาภรณ์ อินทรปาลิต จึงเข้ามารับช่วงเขียนภาพให้กับหัสนิยาย
ชุดสามเกลอต่อจากศิลปิน ๒ ท่านที่ได้กล่าวนามไปแล้ว โดยเป็นทั้ง
บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณา, ผู้เขียนภาพปก-ภาพประกอบของหนังสือพิมพ์
ปิยะมิตรรายวันและปิยะมิตรฉบับพิเศษวันอาทิตย์ ภาพเขียนของอาภรณ์
เริ่มโดดเด่นขึ้นจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการหนังสือสมัยนั้น)

อาภรณ์ อินทรปาลิตเกิดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๖๔ ณ บ้านเลขที่ ๔๗๕๔ค.
ตำบลสวนมะลิ ถนนบำรุงเมือง อำเภอป้อมปราบศัตรูพ่าย พระนคร เป็นบุตร
คนที่หกของ พท.พระวิสิษฐพจนการ (อ่อน อินทรปาลิต) และนางวิสิษฐพจนการ
(ชื่น อินทรปาลิต) โดยมีปรีชา อินทรปาลิต (หรือ ป. อินทรปาลิต) เป็นพี่คนที่สอง

หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปีที่ ๘ โรงเรียนราชบุรีวิทยาลัย เทเวศน์ (ต่อมา
เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนรพีพัฒน์) แล้วจึงเข้าศึกษาต่อคณะนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง ห้วงเวลาก่อนที่จะเข้าเรียนในคณะ
นิติศาสตร์ อาภรณ์ได้ไปฝึกเขียนรูปกับชำนาญ เสนีย์วงศ์ (ซึ่งเป็นช่างเขียน
ประจำสำนักพิมพ์เพลินจิตต์) โดยศึกษาวิธีการจากแนวทางของศิลปินรุ่น
ครูบาอาจารย์เช่นเหม เวชกร, เสน่ห์ คล้ายเคลื่อน เป็นอาทิ

นิยายภาพชุดสามเกลอ พล นิกร กิมหงวน อาภรณ์ อินทรปาลิตเขียนจาก
หัสนิยายของ ป. อินทรปาลิต

ระหว่างที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองนั้น
ป. อินทรปาลิตกับประยูร หอมวิไลได้ร่วมมือกันออกหนังสือพิมพ์ปิยะมิตรรายวัน
และปิยะมิตรฉบับพิเศษวันอาทิตย์ตามลำดับดังกล่าวแล้ว อาภรณ์รับหน้าที่
เป็นบรรณาธิการและเป็นฝ่ายศิลป์ให้กับหนังสือทั้ง ๒ เล่ม ทั้งยังเขียนภาพ
ประกอบให้กับเพลินจิตต์ฉบับพิเศษวันอาทิตย์บ้าง ตลอดจนเขียนปก
นวนิยายต่าง ๆ ที่ตีพิมพ์ออกมาในช่วงเวลานั้น)

ภาพของเสือใบ, เสือดำ, สามเกลอ พล นิกร กิมหงวนกับคณะ และภาพปก-
ภาพประกอบเรื่องต่าง ๆ จากปลายพู่กันของอาภรณ์ อินทรปาลิตปรากฎบน
หน้าหนังสือทุกวัน ทุกสัปดาห์ เดือนแล้วเดือนเล่า ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวไม่เคยคิด
มาก่อนว่าจะมาทำงานด้านนี้อย่างเอาจริงเอาจังแต่อย่างใด ที่ไปฝึกฝนมา
ก็ด้วยใจรักในการเขียนภาพเท่านั้น

วันเวลาที่ "ปิยะมิตร" ทั้งสองประเภทยังครองใจของผู้อ่านในยุคสมัยนั้นอยู่
(เช่นเดียวกันกับเพลินจิตต์รายวันและเพลินจิตต์ฉบับพิเศษวันอาทิตย์ที่มี
เลียว ศรีเสวกเป็นผู้อำนวยการกองบรรณาธิการ) อาภรณ์ อินทรปาลิตก็ได้
สมรสกับม.ร.ว.จิราธร เกษมศรี ต่อมาจึงมีบุตรธิดาด้วยกัน ๔ คนคือ ธีราภรณ์,
ธรธิดา, ธิดาภรณ์ และ อธิพงศ์

อาภรณ์ อินทรปาลิตลาออกจาก "ปิยะมิตร" ในขณะที่ "ปิยะมิตร" ยังคง
ดำเนินการอยู่ตามปกติ ช่วงนี้มีงานเขียนปกหนังสือมากมาย ด้วยพู่กันจุ่มหมึก
อินเดียอิ๊งค์หรือหมึกจีนสีดำผสมกับน้ำระบายลงบนกระดาษวาดเขียนขนาด
ใหญ่กว่าภาพที่พิมพ์จริงๆ ไม่มากนัก ในระยะนี้เขาสร้างผลงานปกนวนิยาย
ออกมาสู่สายตาของผู้คนบนถนนหนังสือเดือนละประมาณ ๒๐-๓๐ ปก
ส่วนใหญ่เป็นภาพปกหัสนิยายชุดสามเกลอที่พี่ชายเป็นผู้เขียนเรื่อง แต่ปก
นวนิยายเรื่องแรก (ที่ตีพิมพ์เป็นเล่ม) นั้นเป็นงานเขียนของ "วรรณสิริ"
(จำชื่อเรื่องไม่ได้) งานพิมพ์สมัยนั้นยังไม่มีระบบออฟเซ็ทจึงต้องตีพิมพ์ด้วย
บล็อคและพิมพ์เพียงแค่สามสีเท่านั้น (เหลือง, แดง, น้ำเงิน) ต่อมาภายหลัง
จึงเพิ่มสีดำขึ้นกลายเป็นปกสี่สีไปตามวิวัฒนาการการพิมพ์

ภาพของพล นิกร กิมหงวน ดร.ดิเรกและเจ้าคุณปัจจนึกพินาศค่อยพัฒนามา
ตามลำดับ ปกแล้วปกเล่าจนนับเป็นพันๆ ปก กลายเป็นหน้าตาบุคลิกที่สมบูรณ์
ตรงตามลักษณะตัวละครที่ ป. อินทรปาลิต จินตนาการจนผู้อ่านเจนตาด้วย
ฝีมือของอาภรณ์ อินทรปาลิต

ต่อมาอาภรณ์เข้าทำงานเป็นฝ่ายศิลป์ให้กับบริษัทโฆษณาที่คาเธ่ย์ แอ็ดเวอร์-
ไทซิ่ง (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเท็ดเบทส์ จำกัด) อยู่นานถึง ๖ ปี
ได้ความรู้และประสบการณ์ทางด้านโฆษณาอย่างมากมาย แต่ก็ไม่ได้วางมือ
จากการเขียนภาพหน้าปกแต่ประการใด

เมื่อลาออกจากคาเธ่ย์ แอ็ดเวอร์ไทซิ่งจึงไปสมัครงานกับยูเซด (USIAD)
ได้รับตำแหน่งเป็น "ผู้ควบคุมศิลปกรรม" (Art Supervisor) ถูกส่งไปอยู่ที่
เวียงจันทร์เพื่อผลิตตำราเรียนให้กับกระทรวงศึกษาธิการของลาว อาภรณ์
เป็นผู้เขียนหน้าปก อาจารย์สงวน รอดบุญจากกรมฝึกหัดครูนอกจากจะสอน
หนังสือแล้วยังเขียนภาพปกและภาพประกอบอีกด้วย มีผู้ร่วมงานในยูเซด
อีกหลายคน เป็นต้นว่าอาจารย์ทรงศักดิ์ ศรีกาฬสินธุ์ (ปัจจุบันเป็นอธิการบดี
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร) เป็นผู้เขียนตำรับตำราต่าง ๆ
อาจารย์อารี สุทธิพันธ์สอนศิลปกรรม โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่าง
ประเทศไทย, ลาวและสหรัฐอเมริกาเพื่อพัฒนาระดับการศึกษาของประชาชนลาว

ตอนที่อยู่เวียงจันทร์นั้นอาภรณ์ต้องกลับเมืองไทยทุกอาทิตย์ เขามีความรู้สึก
เหมือนถูกปล่อยให้อยู่ในป่า พอเย็นวันศุกร์หรือเช้าวันเสาร์ก็โดดขึ้นรถแท็กซี่
ข้ามเรือมาที่ท่าเดื่อ จังหวัดหนองคายเพื่อกลับมาเยี่ยมลูกเยี่ยมเมียที่กรุงเทพ
แล้วเย็นวันอาทิตย์หรือเช้าวันจันทร์จึงขึ้นรถไฟไปหนองคายเพื่อข้ามเรือ
กลับไปทำงานต่อที่เวียงจันทร์ (เกือบตกรถไฟหลายเที่ยวแล้ว บางวันรีบร้อน
จนลืมเงินทอน พนักงานขายตั๋วต้องวิ่งตามเอาเงินมาคืนให้)

ระหว่างที่ทำงานอยู่ในเวียงจันทร์ เกิดการกบฎแย่งชิงอำนาจกันระหว่าง
เจ้าภูมีหน่อสวรรค์กับเจ้าสุวรรณภูมา ทั้งสองฝ่ายฮึ่มฮั่มกันอยู่หลายวัน แล้วเสียง
ปืนใหญ่ก็ระเบิดขึ้นห่างจากที่พักประมาณ ๔-๕ กิโลเมตร จากนั้นก็ไล่ยิงกัน
สนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งเวียงจันทร์ บรรดาบ้านเรือนร้านค้าต้องปิดกันจ้าละหวั่น
อาภรณ์นอนอ่านหนังสืออยู่ในบ้านพักฟังเสียงยิงกัน จนกระทั่งพลบค่ำเสียงปืน
จากการสู้รบก็ยังไม่สงบ ไฟสงครามลุกแดงไปทั้งเมือง มิหนำซ้ำตอนกลางคืนยังมี
ลูกเห็บตกใส่หลังคาที่พักดังกราวใหญ่ พอรุ่งขึ้นก็เริ่มรู้สึกทนไม่ไหว คลำกระเป๋า
ดูมีเงินเหลืออยู่ไม่ถึงสองร้อยบาท ขืนอยู่ต่อไปคงจะต้องจับจิ้งหรีดกินเหมือนกับ
ชาวบ้านเพราะร้านรวงต่าง ๆ ปิดตัวเองกันหมด ไม่มีใครค้าขายอะไรเลย

เพื่อนร่วมงานหลายคนหลบเข้าไปอาศัยอยู่ในสถานทูตไทย แต่สถานทูตอยู่
ห่างไกลจากที่พักหลายกิโลเมตร สถานการณ์กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้
อยู่ต่อไปไม่ไหว จึงตัดสินใจข้ามเรือไปศรีเชียงใหม่ พอเรือแล่นมาถึงกลาง
แม่น้ำโขงลาวประกาศปิดพรมแดนพอดี

พวกกบฎแพ้ ภูมีหน่อสวรรค์หนีมาเมืองไทย อาภรณ์ อินทรปาลิตอยู่กรุงเทพอีก
๗-๘ วันจึงกลับไปทำงานตามเดิม

ทำงานให้กับยูเซดที่เวียงจันทร์ประมาณ ๙ เดือนก็ลาออกกลับมาอยู่ประเทศไทย
อย่างถาวร หลังจากนั้นเขาเข้าทำงานที่บริษัทแม็คเคน อีริคสันด้วยตำแหน่ง
"ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์" (Thai Art Director) ส่วนใหญ่ก็ทำงานไปตามหน้าที่
ไม่มีอะไรเด่นเป็นพิเศษ ผลงานที่รู้จักกันโดยทั่วไปได้แก่โฆษณา
จับเสือใส่ถังพลังสูง (Put a Tiger in Your Tank) ซึ่งเป็น "ไอเดีย" มาจาก
"ฝรั่ง" เพียงแต่นำมาปรับปรุงให้เข้ากับบรรยากาศไทย ๆ เขาเขียนทั้งภาพ,
วางรูปแบบงานพิมพ์ (lay out) และเขียนภาพกำกับบทภาพยนตร์ (story board)
ด้วย ทำงานอยู่ในตำแหน่งนี้นานราวๆ ๕ ปีจึงลาออกเพราะสุขภาพไม่ค่อยดี
ตลอดเวลาเหล่านั้นเขายังคงเขียนภาพหน้าปกหัสนิยายชุดสามเกลออย่างสม่ำเสมอ)

เมื่อถูกถามว่า "จะแนะนำอะไรกับคนรุ่นใหม่ที่กำลังทำงานด้านนี้อยู่บ้าง?"
อาภรณ์ยิ้มแจ่มใส

"ไม่กล้าแนะนำ ไม่มีหรอกครับเพราะว่าเด็กเดี๋ยวนี้พูดถึงในด้านฝีมือนั้น
ก้าวหน้ามาก ในด้านหลักวิชาก็เรียนดีกว่าสมัยก่อนเยอะ สมัยนี้เด็กก็มีโอกาส
ที่จะก้าวหน้าได้หลายด้าน เพราะมีแบบอย่างที่ดีด้วยมีสิ่งเกื้อกูลต่อการคิด
สร้างสรรค์สิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ มาก โอกาสของคนรุ่นใหม่นี้ดีกว่าคนรุ่นเก่าเยอะ
ปัญหาอยู่ที่ว่าเด็กสมัยนี้มีความตั้งใจจริงๆ ในการทำงานหรือเปล่า บางคนมักจะ
ใช้ชีวิตไปในทางที่ไม่ถูกต้องนัก ทำให้ความก้าวหน้าในการทำงานมันลดลงไป"

คนเขียนภาพ-คนทำงานโฆษณา ศิลปินพันปก วัย ๖๕ ซึ่งหน้าตาดูหนุ่มกว่า
อายุจริงหลายปี ผู้มีผลงานฝากไว้บนถนนหนังสือของเมืองไทยมากมาย
เหลือคณานับกล่าวตอบอย่างอารมณ์ดี


All texts provided by this web site are intended for private uses only. Our main objectives are to promote "Sam-Gler" to all cyberspace surfers and to memorize one of the greatest writers in Thai fiction history, Por. Intarapalit. In short, all contents are for education purpose only. Any duplication or reissue of the contents for any other purpose must be avoided. Any occurrence arising out of and/or in connection with the said violation shall not be a scope of Webmaster's responsibilities.
For problems or questions regarding this web contact
Webmaster.
Last updated: 24-05-1998.