กิมหงวน ไทยแท้  

best viewed with 640*480 and MSIE
 
 
 
 





 

ความประทับใจของผมที่มีต่อสามเกลอพล นิกร กิมหงวน

ในชีวิตของผม ถ้าจะบอกว่าสามเกลอพล นิกร กิมหงวน เป็นส่วนสำคัญที่สุดในชีวิต ก็คงจะกล่าวได้ไม่เต็มปาก เต็มคำเท่าไรนัก เนื่องด้วยเป็นการยากที่จะพิสูจน์ ไม่ว่าด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์ก็ตาม ไม่มีใครที่จะบอกได้ว่าทุกๆ ครั้งที่ผมอ่านสามเกลอพล นิกร กิมหงวน นอกจากความเพลิดเพลินที่ได้รับ เสียงหัวเราะ หึหึ หรือ ก๊ากๆ แล้วยังมีอะไรที่ผมซึมซับไปโดยไม่รู้ตัวอีกหรือไม่ มากมายสักเพียงใด

จำได้ว่าผมได้พบกับสามเกลอพล นิกร กิมหงวน โดยบังเอิญอย่างยิ่งในตอนที่ผมอยู่ ป.2 หรือ ป.3 เพราะว่าที่บ้านเกิดของผมที่ต่างจังหวัดทำธุรกิจค้าขาย แทบทุกวันจะมีสินค้าหลายกล่องส่งมาจากทางกรุงเทพฯ และแล้ววันหนึ่งผมก็พบกับสามเกลอเล่มแรกในชีวิตของผม เป็นสามเกลอในชุดวัยหนุ่มตอน "แม่งามชื่น" ซึ่งบุรุษหรือสตรีนิรนามทางกรุงเทพใส่มาในกล่องสินค้ารวมกับกระดาษหนังสือพิมพ์ เพื่อป้องกันสินค้าในกล่อง จากแรงกระแทกระหว่างการขนส่ง ผมจำไม่ได้ว่านับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ผมอ่านสามเกลอตอน "แม่งามชื่น" ไปกี่สิบกี่ร้อยรอบ แต่ในขณะที่พิมพ์ความประทับใจของผมอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ในตอนนี้นั้น ผมยังมองเห็นภาพจากจินตนการของบ้านสวนที่มีท้องร่องและต้นมะพร้าวอยู่สุดลูกหูลูกตา ข้าวมันแกงไก่ส้มตำ กิมหงวนนุ่งผ้าขาวม้า และกิมหงวนแหย่เจ้าคุณปัจจนึกฯถึงนามปากกาที่ใช้ในการเขียนหนังสือ ในจำนวนนั้นผมจำได้ว่ามีนามปากกา "ธรณีสันตะฆาต" และ "แมงกระพรุนไฟ " รวมอยู่ด้วย

สมัยเด็กๆ นั้นผมเรียนหนังสือค่อนข้างปานกลาง แต่ตั้งแต่ ป.3 เป็นต้นมาจนกระทั่งในปัจจุบันที่ผมมีงาน มีการทำแล้ว ผมได้ชื่อว่าเป็นคนที่ "หัวดี" คนหนึ่ง (ไม่ค่อยหลงตัวเองเลยนะเนี่ย) เคยย้อนคิดกลับไป ก็เห็นจะเป็นเพราะว่าการตะลุยแอบอ่านสามเกลอในวัยเด็กของผม ทำให้ผมเป็นคนที่อ่านหนังสือแตก อ่านหนังสือเร็ว แทนที่จะค่อยๆ เรียนแม่กอกา ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาฯ ผมได้ข้ามขั้นมาเรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเองจากการอ่านสามเกลอพล นิกร กิมหงวน รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ความสนุกสนานเพลิดเพลินที่ผมได้รับเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้ผมได้รับรู้ มองเห็น และเข้าใจโลกอันบูดเบี้ยวที่ผมอาศัยอยู่ได้ดีกว่าและกว้างกว่าเพื่อนๆ ของผมในสมัยนั้น

ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดที่เกิดจากการอ่านสามเกลอพล นิกร กิมหงวนคือ ถ้ามีคนมาถามผมในสมัยนั้น (แม้กระทั่งในสมัยนี้) ว่าโตขึ้นผมใฝ่ฝันอยากจะเป็นอะไร แทนที่ผมจะตอบว่าอยากเป็นทหาร ตำรวจ หรือครูเหมือนที่เด็กสมัยนั้นเขาตอบกัน ผมจะตอบอย่างฉะฉานเลยว่าผมอยากจะเป็นนักเขียน ในสมัยเรียน ม.1 ที่โรงเรียนบดินทรเดชา ผมได้เขียนบทละครโดยตัดทอนมาจากสามเกลอชุดวัยหนุ่มตอน "หมอดูแม่นๆ" และผมร่วมแสดงเป็นกิมหงวนด้วย ยังจำได้ถึงความหอมหวานและปลาบปลื้มที่ได้รับอันเกิดจากเสียงหัวเราะ ของคนดูได้เป็นอย่างดี

แม้ว่าผมจะมีความฝันอยากเป็นนักเขียนอย่างแรงกล้า แต่งานที่ผมเขียนอย่างจริงๆ จังๆ ก็มีเพียงไม่กี่เรื่อง และมีเพียงเรื่อง "ใต้ร่มแอร์" ที่ผมเขียนสมัย ม.5 เท่านั้นที่ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือต่วยตูนฯฮิวเมอร์ ประจำเดือนตุลาคม 2530 โดยผมใช้นามปากกาว่าแมงกระพรุนไฟ และนับจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เขียนเรื่องสั้น อย่างจริงๆ จังๆ อีกเลย

สิ่งที่ผมมีมาคู่กับความฝันที่อยากจะเป็น คือความฝันที่อยากจะทำ ผมอยากจะรวบรวมสามเกลอพล นิกร กิมหงวนให้ได้มากที่สุด เพื่อที่ผมจะให้ลูกของผมในอนาคตได้อ่าน แม้ว่าในอนาคตมันอาจจะชอบอ่าน Dragon Ball หรือชินจัง แต่ผมก็จะใช้วิธีทั้งขู่ทั้งปลอบ ให้ลูกของผมได้สัมผัสกับหนังสือที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์ต่อพวกเขา แต่หนังสือสามเกลอที่พิมพ์ด้วยกระดาษธรรมดานั้นยากต่อการเก็บรักษา และนอกจากนั้นยังมีเพียงไม่ถึง สิบเปอร์เซ็นต์ที่ได้รับการตีพิมพ์จนถึงในปัจจุบัน นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ผมได้คิด "ห้องสมุดสามเกลอ" แบบ On line ขึ้นมา และในที่สุดก็มี Home Page ชมรมคนอ่านสามเกลอพล นิกร กิมหงวน ตามขึ้นมาทีหลัง

ปัจจุบันนี้ผมเป็นวิศวกร ไม่ได้เป็นนักเขียนอาชีพอย่างที่ได้หวังตั้งใจไว้ ผมยังคงอ่านสามเกลอแทบทุกครั้ง ที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ผมเหงา ตอนที่ผิดหวัง ตอนที่สมหวัง ตอนที่รู้สึกแย่ หรือตอนที่รู้สึกดี ยิ่งอ่านมากเที่ยวขึ้น ก็ยิ่งรู้สึกสนุกและเข้าใจมากขึ้นทุกครั้ง บางย่อหน้าที่เคยอ่านไม่เข้าใจ ไม่ตลกในสมัยเด็ก พอโตขึ้นได้เห็นโลกมากขึ้น กลับมาอ่านอีกทีความสงสัยหรือความไม่เข้าใจต่างๆที่เคยมีก็หมดสิ้นไป ยิ่งนานวันก็ยิ่งรักสามเกลอพล นิกร กิมหงวน และเคารพชื่นชม ป. อินทรปาลิตมากขึ้นทุกที

ดังนั้นแม้จะไม่สามารถกล่าวได้ว่าการได้อ่านสามเกลอพล นิกร กิมหงวนคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม แต่ก็อาจจะกล่าวได้ว่าผมโชคดีมากๆ ที่ได้รู้จักกับสามเกลอเมื่อเกือบยี่สิบปีมาแล้ว นอกเหนือจากบันทึก ประวัติศาสตร์ที่ผมซึบซับเข้าไปโดยไม่รู้สึกตัว และนอกเหนือจากเสียงหัวเราะที่ผมได้รับ ผมยังได้รู้จักมองโลก ให้เป็น ทุกๆ ครั้งที่ผมเศร้าโศรกเสียใจ ผมจะรู้สึกปล่อยวางอย่างรวดเร็วเพราะผมมียาวิเศษอยู่ข้างตัว ในโลกที่กำลังหมุนเปลี่ยนไปอยู่ทุกวินาที ผมกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าผมสามารถยืนหยัดและรับรู้ รสชาติของชีวิตได้ทุกรูปแบบ แม้กระทั่งรสชาติที่เขาว่ากันว่าขมที่สุดในชีวิต

แมงกระพรุนไฟ

23 พฤษจิกายน 2540


All texts provided by this web site are intended for private uses only. Our main objectives are to promote "Sam-Gler" to all cyberspace surfers and to memorize one of the greatest writers in Thai fiction history, Por. Intarapalit. In short, all contents are for education purpose only. Any duplication or reissue of the contents for any other purpose must be avoided. Any occurrence arising out of and/or in connection with the said violation shall not be a scope of Webmaster's responsibilities.
For problems or questions regarding this web contact
Webmaster.
Last updated: 03-03-1998.